ททท. จัดประชุมแผนการตลาดปี 2568
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ปี 2568 (Tourism Authority of Thailand Action Plan 2025 : TATAP 2025) วันที่ 8-11 กรกฎาคม 2567 กำหนดนโยบายและทิศทางการตลาด สำหรับใช้เป็นกรอบปฏิบัติงานเพื่อเดินหน้าพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยทั้งระบบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน ตามนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ของรัฐบาล โดยมี นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานในที่ประชุมฯ พร้อมด้วยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. และคณะกรรมการ ผู้บริหาร ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และจากทุกภูมิภาคทั่วโลก เข้าร่วม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร
นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลต้องการผลักดันให้การท่องเที่ยวไทยไปสู่ Chapter ใหม่ พร้อมกำหนดยุทธศาสตร์ IGNITE Thailand โดยให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างทันที ซึ่งแผนการตลาดของ ททท.ในปี 2568 จะเป็นปีที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลตั้งใจจะประกาศให้เป็น Thailand Grand Tourism Year โดยแผนการดำเนินงานจะต้องรักษาความต่อเนื่องของปัจจัยการขับเคลื่อน 3 ประการ ได้แก่ การกระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว (Drive Demand) ยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply)
มุ่งสู่องค์กรสมรรถนะสูง (Strive for Excellence) สอดรับกับสภาพแวดล้อมด้านการแข่งขัน ความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยสามารถสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่า ตอบโจทย์ทุก Customer Journey อย่างครอบคลุม เกิดเป็นความประทับใจในทุก Touch Point ตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และบอกต่อความทรงจำที่มีคุณค่าภายหลังการเดินทางและเกิดการเดินทางซ้ำ รวมถึงให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพื่อตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม ผ่านการประสานความร่วมมือของทั้งภาครัฐ และเอกชน พันธมิตรจากทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ ตอกย้ำบทบาทสำคัญของการท่องเที่ยวไทยที่จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยสู่เป้าหมายจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. มุ่งที่จะส่งมอบคุณค่า และประสบการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ในฐานะผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยพร้อมผนึกกำลังร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันเดินหน้ายกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยการประชุม TATAP 2025 ครั้งนี้ ททท. ได้กำหนดวาระประชุมที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนระดมความคิดเห็นอันจะนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ด้านการตลาด 4 ประการหลัก ได้แก่ การกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยว กระตุ้นการใช้จ่าย ขยายระยะเวลาพำนัก และกระจายพื้นที่ท่องเที่ยวและช่วงเวลาการท่องเที่ยว พร้อมกับเตรียมจุดพลังการท่องเที่ยวไทยที่มีคุณภาพ ด้วยการนำเสนอจุดแข็งจุดขายของประเทศไทย Thailand Soft Power, Tourism IGNITE Thailand และ 5 Must Do in Thailand ผ่านแนวคิดเสน่ห์ไทย สร้างภาพลักษณ์ “การท่องเที่ยวยั่งยืน” เพื่อพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และ “การกระจายการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทย จากเมืองหลัก สู่เมืองน่าเที่ยว” กระจายรายได้สู่ประชาชนอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวของรัฐบาล โดย ททท. เชื่อมั่นว่าจะนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ให้ยังคงเป็นเครื่องมือที่สำคัญของประเทศในการสร้างเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน
ทั้งนี้ ททท. กำหนดให้มีการแถลงทิศทางการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยว ปี 2568 แก่ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชนในแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร โดยในเวลา 9.00 น. – 17.30 น. จะมีการจัดกิจกรรม Market Briefing นำเสนอสถานการณ์ตลาดและแนวทางการส่งเสริมตลาดของททท. สำนักงานต่างประเทศในแต่ละพื้นที่ทั่วโลก และการจัดกิจกรรม Tourism Clinic เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจได้พบปะหารือกับผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานต่างประเทศเพื่อหาโอกาสในการทำตลาดศักยภาพ ปิดท้ายด้วยการแถลงทิศทางการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยว ปี 2568 ในเวลา 18.00 น. โดยผู้ที่สนใจสามารถรับชมได้ทาง YouTube Channel : Amazing Thailand เพื่อร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการประสานความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก